เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2568 ร้อยตรี จักรา ยอดมณี รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานเปิดกิจกรรม “เชื่อมโยงความสัมพันธ์และเจรจาธุรกิจออนไลน์” กับกลุ่มประเทศอาเซียน ณ โรงแรมนนทบุรี พาเลซ จังหวัดนนทบุรี ภายใต้โครงการ “ส่งเสริมพัฒนาขีดความสามารถ SMEs เสริมสร้างเศรษฐกิจฐานรากกลุ่มจังหวัดภาคกลาง” ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 10 – 11 เมษายน 2568


กิจกรรมดังกล่าวมีผู้ประกอบการจากประเทศอาเซียน ตะวันออกกลาง และตลาดใหม่ อาทิ ซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อิสราเอล อิหร่าน และจีน เข้าร่วมเจรจาธุรกิจออนไลน์อย่างคึกคัก โดยคาดว่าจะก่อให้เกิดมูลค่าการค้าไม่น้อยกว่า 20 ล้านบาท พร้อมโอกาสขยายความร่วมมือทางธุรกิจระยะยาว

ร้อยตรี จักรา ยอดมณี รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กิจกรรมนี้จัดขึ้นตามนโยบายลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ และขยายโอกาส มาอย่างต่อเนื่อง โดยสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศได้จัดงานแสดงและจำหน่ายสินค้า และการเจรจาจับคู่ธุรกิจ ทั้งในระดับจังหวัด ระดับภาค และระดับประเทศ เพื่อเพิ่มรายได้และขยายโอกาสให้แก่ผู้ประกอบการในแต่ละพื้นที่ สอดรับกับนโยบายของ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ได้มอบนโยบายให้พาณิชย์จังหวัดและทูตพาณิชย์ทำงานร่วมกันในเชิงรุก เพื่อเชื่อมโยงสินค้าของแต่ละจังหวัดไปขายในตลาดโลกผ่านการติดต่อประสานงานของทูตพาณิชย์ รวมทั้งการเชื่อมโยงสินค้าไทยไปยังตลาดใหม่ที่มีศักยภาพมากขึ้น ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มรายได้และขยายโอกาสให้แก่ผู้ประกอบการไทยแล้ว ยังเป็นการเตรียมความพร้อมในการแข่งขันทางการค้าในเวทีระดับโลก รวมถึงการต่อยอดโอกาสทางธุรกิจ ให้กับ SMEs ไทยให้มีความเข้มแข็งและดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืน ในสถานการณ์การค้าระหว่างประเทศที่อาจมีความไม่แน่นอนในขณะนี้


ปัจจุบัน ตลาดอาเซียนและตะวันออกกลางมีส่วนในการสร้างรายได้เข้าประเทศมากขึ้น โดยในปี 2567 ในกลุ่มประเทศอาเซียน มีมูลค่าการส่งออก 70,165.27 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับปี 2566 ขยายตัวร้อยละ 4.60 (YoY) (สินค้าที่ส่งออกมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ข้าว ไก่สดแช่เย็นแช่แข็ง กาแฟ น้ำตาล ผลไม้กระป๋องและแปรรูป) และกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง มีมูลค่าการส่งออก 11,842.90 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับปี 2566 ขยายตัวร้อยละ 3.80 (YoY) (สินค้าที่ส่งออกมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ รถยนต์ (อุปกรณ์และส่วนประกอบ) ข้าว เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ อัญมณีและเครื่องประดับ โดยตัวเลขการส่งออกที่ขยายตัวดังกล่าวแสดงถึงความเชื่อมั่นในคุณภาพและมาตรฐานสินค้าไทย โดยกระทรวงพาณิชย์ทำหน้าที่ในการส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการในเรื่องของช่องทางการตลาด

“การจัดกิจกรรมในครั้งนี้กระทรวงพาณิชย์ได้นำผู้ประกอบการท้องถิ่นมาพบปะและสร้างเครือข่ายกับผู้ซื้อที่มีศักยภาพ ทราบว่าในช่วง 2 วันนี้จะมีผู้ซื้อจากตูนีเซีย ซาอุดีอาระเบีย คูเวต โอมาน และจีน เข้าร่วมการเจรจาธุรกิจออนไลน์ โดยคาดว่าจะสร้างมูลค่าการค้าระหว่างกันรวมไม่น้อยกว่า 20 ล้านบาท และอาจเป็นคู่ค้ากันต่อไปในระยะยาวได้ ดังนั้น จึงถือเป็นโอกาสสำคัญในการสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับ SMEs ไทยได้อย่างยั่งยืน” ร้อยตรี จักรา กล่าวในตอนท้าย